ในยุคที่กระแส Y2K กลับมาโด่งดังอีกครั้ง หูฟัง Headphone หรือหูฟังแบบครอบหูก็กลับมาได้รับความสนใจในหมู่ของบุคคลทั่วไปมากยิ่งขึ้น ใครได้ลองใช้ก็เป็นอันต้องติดใจเนื่องด้วยความจัดเต็มของเขา ทั้งด้านลำโพง เบสใด ๆ แน่นกว่าหูฟังแบบอื่น สำหรับวันนี้เราจะขอมาเอาใจคนงบน้อยด้วยการแนะนำ Headphone ที่ราคาไม่เกิน 10,000 สำหรับดูหนัง ฟังเพลง คุณภาพดี เบสเทพแน่นอน และต่อไปนี้คือยี่ห้อและรุ่นที่คุณไม่ควรพลาด!!
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รีวิว 7 หูฟัง Headphone หูฟังครอบหู ราคาไม่เกิน 10,000 บาทที่น่าสนใจ!!
1.Sony WH-XB910N
มาเริ่มต้นกันด้วยแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าเจ้าดัง ที่หลายคนชื่นชอบ เจ้าตัวนี้ไม่ใช่รุ่นท็อปที่สุดของแบรนด์ก็จริง แต่คุณภาพไม่น้อยหน้า และบอกเลยว่าเขาคือหูฟังเบสหนัก แน่น ที่เหมาะกับคนชื่นชอบการฟังเพลงอย่างมาก ฟีเจอร์เยอะสะใจ แบตอึด อยู่ทนนาน กับบอดี้ทรงสวยแต่มีน้ำหนักเพียง252 กรัม จัดว่าเบาสบาย สวมใส่ไม่อึดอัด ระบบตัดเสียงรบกวนก็ขั้นเทพ แถมยังให้ไดรเวอร์ขนาด 40 มิลลิเมตรมาอีก ดูหนังถือว่าโอเค ส่วนการฟังเพลงให้เสียงทุ้มต่ำที่มีมิติดีงาม นุ่มลึก กังวาล เจ้าหูฟัง Headphone ตัวนี้ฟังเพลงแบบ Hi-Res ใกล้เคียงกับคุณภาพในห้องอัดได้เลย
ราคา : 6,990 บาท
2.Sony WH-CH720N
ยังอยู่กันที่หูฟัง Sony กับเจ้าตัวที่เขาขนานนามว่าเป็นรุ่นน้องของตัวท้อปอย่าง Sony WH-1000XM5 ซึ่งบอดี้ของเขามาในขนาด Over-Ear ใส่สบายมาก แล้วน้องเป็นหูฟัง Headphone ที่ตอบโจทย์สำหรับทุกไลฟ์สไตล์ น้ำหนักเบามากเพียง 192 กรัม ตอนใส่ไม่รู้สึกถึงความกดหัว โหมดตัดเสียงรบกวนคือเงียบกริบ แต่ไม่ปวดหู ไม่หูอื้อ ที่สำคัญคือแบตเตอรี่เขาอึดมากอยู่ได้ถึง 35 ชั่วโมงแม้จะฟังเพลงอย่างยาวนาน เบสลูกใหญ่ ดี แน่น ฟังสนุก เสียงกลางเนียน เสียงแหลมคม ใส แต่ไม่บาดหู ให้อารมณ์เหมือนฟังเพลงอยู่ในคอนเสิร์ต ของมันต้องมีเลยล่ะ!!
ราคา : 4,990 บาท
3.Jabra Elite 85h
ไหนใครเป็นแฟนของแบรนด์ Jabra บ้าง ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าเจ้าตัวนี้เป็นหูฟัง Headphone บอดี้อาจจะไม่ถูกใจวัยรุ่นสักเท่าไหร่นัก แต่ใส่สบายมาก ตัดเสียงรบกวนได้เป็นอย่างดี ส่วนในเรื่องเสียงจะออกแนวจัดเต็ม ย่านเสียงพุ่ง คม ชัด เนียนกริบ ไม่บาดหู เบสพุ่งมาก แต่กระชับเช่นกัน เหมาะสำหรับฟังเพลงแนว EDM อะไรทำนองนั้น ก็เป็นหูฟัง Over-Ear ที่ให้อารมณ์เหมือนนั่งอยู่ในคอนเสิร์ต ดูหนังดี เล่นเกมก็ยังส่งพลังออกมาชัดเจน
ราคา : 6,900- 10,900 บาท
4.Marshall Major IV
ไหนใครกำลังตามหารีวิวหูฟัง Marshall รุ่นนี้กันอยู่ไหมเอ่ย? ตัวนี้มองภายนอกคือโดดเด่นกว่าใครเพราะรูปลักษณ์วินเทจ ตามสไตล์ของแบรนด์เขาเลยล่ะ หลายคนอาจจะไม่ชอบตรงที่ครอบหูเขาเป็นสี่เหลี่ยม แต่ถ้าเน้นเรื่องเสียงบอกเลยว่าค่อนข้างคุ้มค่า เขามาพร้อมไดรเวอร์เสียงแบบ Dynamic ข้างละ 40 มิลลิเมตร ส่งสัญญาณเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ตามสไตล์มาร์แชล เก็บเสียงกลางครบ ละเอียด เสียงแหลมไม่บาดหู เบสนุ่ม แน่น ลูกใหญ่ ฟังสบาย แบตอึดอยู่ทน 80 ชั่วโมงก็นับว่าเป็นหูฟัง Headphone ที่เหมาะแก่การพกพาไปทุกที่ แบตไม่หมดง่ายแน่นอน
ราคา : 5,490 บาท
5.Edifier WH950NB
เชื่อว่าที่ผ่านมาเพื่อน ๆ ก็น่าจะเคยเห็นเจ้าหูฟัง Headphone แบรนด์ Edifier ผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง เจ้าตัวนี้ราคากลาง ๆ และเหมาะสำหรับผู้ใช้งานหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะดูหนังก็มีโหมด Theater กระหึ่ม เสียงชัดมาให้ เล่นเกมก็ชัด ฟังเพลงสบาย เบสลูกใหญ่ แต่อาจไม่เหมาะสำหรับคนชอบเบสหนักแน่นสักเท่าไรนักถึงแม้จะปรับ EQ customize แล้วก็ตาม เพราะจะออกแนวเสียงใส ฟังเพลิน เรื่อย ๆ เสียมากกว่า อย่างฟังเพลงแนว Classic เสียมากกว่า การตัดเสียงรบกวนจัดว่าทำได้ดี
ราคา : 9,999 บาท
6.JBL Live 660 NC
แบรนด์นี้เขาก็โดดเด่นเรื่องเสียงไม่แพ้ใครกับหูฟัง JBL ที่จะมาทำให้ใจของคุณละลาย ตัวนี้ทำออกมาได้ดีไม่แพ้บรรดาลำโพงแต่ละรุ่นของเขาเลยล่ะ น้องตัวเล็ก ๆ น้ำหนักเบา ใส่สบาย Earcup คือนุ่ม ไม่อึดอัด มีระบายอากาศ ตัดเสียงรบกวนรอบข้างยอดเยี่ยม และถ้าไม่เปิด ANC โหมดก็สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานถึง 50 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว แนวเพลงเสียงทรงพลัง ฟังสนุก สบาย ๆ เบสนุ่มแต่หนักแน่น เป็นหูฟัง Headphone ที่ต้องมีติดบ้านเอาไว้!
ราคา : 7,990 บาท
7.Bose QuietComfort 45
ส่งท้ายกันด้วยการรีวิวหูฟัง Bose ไซส์ Over-ear แบรนด์นี้เขาก็โดดเด่นทางด้านเสียงไม่แพ้ใครหน้าไหน ดีไซน์อาจจะออกแนววัยรุ่น เกมเมอร์หน่อย แต่ก็ยังคงความเรียบหรู ดูแพง ใส่สบาย ให้ฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากเยอะมาก ๆ ตั้งแต่โหมดตัดเสียงรบกวนที่ทำออกมาได้เทพจริง ๆ เสียงเงียบ หูไม่อื้อ ฟังเพลงเพราะ สบาย มิติเสียงกว้าง ทุกอย่างค่อนข้างสมดุลกัน กลาง ๆ เสียงนักร้องเด่นประมาณหนึ่ง
ราคา : 9,900 – 11,900 บาท
และนี่ก็คือทั้ง 7 หูฟัง Headphone ในงบประมาณไม่ถึง 10,000 บาทที่เราอยากนำมารีวิว และแนะนำให้ทุกคนได้ทำความรู้จัก ต้องบอกเลยว่าแต่ละรุ่นส่งเสียงออกมาในท่วงทำนองที่แตกต่างและเป็นสไตล์ของตัวเอง เหมือนกับการที่เราชอบเสียงของนักร้องคนใดคนหนึ่ง ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ เป็นแฟนของแบรนด์ไหนอยู่แล้วก็คงจะเลือกง่ายขึ้นใช่ไหมล่ะ แต่ถึงยังไงก็อยากให้ไปทดสอบฟังเสียงกันดูก่อนว่าดีไหม ซื้อมาแล้วจะได้ไม่เสียใจภายหลัง
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ DailyLifeStyle