The Glory รีวิวพาร์ท 1 และ 2 (ไม่สปอยล์) สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนดู เต็มสิบได้เท่าไหร่? 

by dailylifestyle
The Glory รีวิว

หากกล่าวถึงซีรีส์ยอดนิยมตั้งแต่ต้นปี 2023 เรื่องที่ถูกพูดถึงกันอย่างหนาหูก็คือ The Glory ผลงานล่าสุดของนักแสดงตัวท็อปอย่างซองเฮเคียว บอกเลยว่าThe Glory รีวิวของ DailyLifeStyle ในวันนี้ จะหยิบยกมาพูดถึงกันทั้งพาร์ท 1 และ 2 แบบไม่สปอยล์ เชื่อว่าเพื่อน ๆ น่าจะพอทราบโครงเรื่องหลักกันมาบ้างแล้ว และนี่คือสิ่งที่คุณควรรู้ก่อนดู The Glory 

The Glory รีวิวพาร์ท 1 และ 2 ซีรีส์เกาหลีพล็อตแก้แค้น ที่ไม่ดูไม่ได้!! 

ชื่อเรื่อง : The Glory 

แนวซีรีส์ : ระทึกขวัญ, ดราม่า, และเมโลดราม่า 

กำกับ : อันกิลโฮ 

เขียนบท : คิมอึนซุก (เคยเขียนบท The King: Eternal Monarch) 

จำนวนตอน : Part 1 และ Part 2 รวม 16 ตอน 

ปีที่ออกอากาศ : 2022 – 2023 

ช่องทางการรับชม : Netflix 

ทุกคนทราบหรือไม่ว่า ซีรีส์ Netflix เรื่องนี้เกิดจากการที่คุณนักเขียนคิมอึนซุก สนทนากับลูกสาวของตนเองในเรื่องการบูลลี่ว่าหากลูกสาวของเธอถูกทำร้ายจนสาหัส คุณนักเขียนจะแก้แค้นคนที่ทำร้ายลูกของตนเองอย่างสาสมด้วยเงินของเธอเอง ซึ่งการแก้แค้นอาจฟังดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับบางคน แม้การถูกบูลลี่เช่นเดียวกันกับในซีรีส์ The Glory จะเกิดขึ้นจริงในสังคมก็ตาม ทว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปตามปลายปากกาของคนเขียนบทกลับสร้างการปลอบประโลมให้แก่เหยื่อได้เป็นอย่างดี 

The Glory รีวิว เรื่องย่อ 

มุนดงอึน (รับบทโดย ซองเฮเคียว) คือเด็กสาวผู้มีความใฝ่ฝันอยากเป็นสถาปนิก ทว่าความฝันนั้น ดันจบลงเพราะเธอต้องออกจากโรงเรียน เนื่องจากถูกเพื่อนสมัยมัธยมปลาย กดขี่ รังแก รุมทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง มุนดงอึนพัฒนาตัวเองเพื่อรอเวลา จนกระทั่งคู่กรณีแต่งงานมีลูกสาวซึ่งกำลังเรียนชั้นประถม และเธอเองก็ได้เข้ามาเป็นครูประจำชั้นของเด็กคนดังกล่าว เพื่อเริ่มต้นการแก้แค้นอย่างเลือดเย็น 

เมื่อมองไปถึงโครงเรื่องของซีรีย์เกาหลีเรื่องนี้ ก็อาจไม่ต่างจากพล็อตแก้แค้นธรรมดาทั่วไป แต่หากเข้าไปดูถึงเนื้อในจริง ๆ แล้ว มันมีมิติเรื่องราวที่ซับซ้อนในการเขียนบทอย่างมาก เพราะเนื้อเรื่องจะมีการเล่าถึงปมของตัวละครในแต่ละคน ทั้งผู้กระทำและเหยื่อ ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร โดยเฉพาะเรื่องครอบครัวที่ดีไซน์ออกมาให้เห็นความเป็นแม่หลากหลายรูปแบบ ทั้งแม่ที่รักลูกและยอมทำทุกอย่าง แม่ที่เข้าข้างลูกโดยใช้เงินตราบันดาลทุกสิ่งอย่าง และแม่ที่ทอดทิ้ง เอารัดเอาเปรียบ ส่วนตัวมองว่านักเขียนผูกปมเรื่องได้น่าสนใจเลยทีเดียว 

ความรักระหว่างพระ – นาง 

The Glory รีวิว

คนที่จะไม่พูดเลยก็ไม่ได้สำหรับ The Glory รีวิว ของเราก็คือ “จูยอจอง” รับบทโดยอีโดฮยอน พระเอกหนุ่มที่ถูกดงอึนขีดเส้นความสัมพันธ์เอาไว้ให้เขาเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในกระดาน ตั้งแต่พาร์ทแรกจะเห็นว่าเขาเป็นสายซัพพอร์ตนางเอกของเราเหลือเกิน ถึงแม้จะเป็นพ่อหนุ่มดอกไม้ก็ตาม เขาและเธอต่างก็มีมุมที่เหมือนกัน ซึ่งในพาร์ทสองนี้มีมุมหวานกุ๊กกิ๊กให้เราได้รับชมอย่างแน่นอน 

แนะนำตัวละคร 

The Glory รีวิว

มุนดงอึน (รับบทโดย ซงเฮเคียว) เป็นคนฉลาดมีไหวพริบ เธอทั้งแข็งแกร่งและมีความอดทนสูง เป็นตัวหลักที่ถูกทำลายทั้งร่างกายและจิตใจสมัยมัธยมปลาย และกลับมาเพื่อแก้แค้นด้วยเงินที่เก็บหอมรอมริบเอาไว้ 

The Glory รีวิว

จูยอจอง (รับบทโดย อีโดฮยอน) ชายหนุ่มที่ทางบ้านฐานะร่ำรวย ภายนอกเขาดูเป็นคนสดใส ร่าเริง ราวกับหนุ่มดอกไม้ แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วเป็นคนสองบุคลิก มีปมในชีวิตมากมาย เขาเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญในการแก้แค้นของนางเอก 

The Glory รีวิว

พัคยองจิน  (รับบทโดย อิมจียอน) นักพยากรณ์อากาศชื่อดัง เป็นคนมีนิสัยร้ายกาจ ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี เธอคือหัวโจกในการรุมทำร้ายมุนดงอึน ความผิดพลาดเดียวในชีวิตของเธอ คือการที่ไม่ได้ฆ่ามุนดงอึนไปเสียตั้งแต่ตอนนั้น  

นอกจากนี้ก็ยังมีนักแสดงอีกมากมาย ถ้าให้รีวิวซีรีส์เรื่องบทบาทของนักแสดงแต่ละคน บอกเลยว่าเลือกมาได้เหมาะสมกับบทมาก เล่นถึงอารมณ์ทุกคน ซึ่งนี่คืออีกหนึ่งข้อที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกอินไปกับซีรีส์มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังกระจายบทได้ดีมาก ไม่มีใครเด่นเกินใคร โดยรวมดีเลยทีเดียว

ภาพรวมของซีรีส์ 

เมื่อมองเป็นมุมกว้าง The Glory เป็นซีรีส์แก้แค้น ที่มีความครบครันทางด้านอรรถรส ถ้ามองในมุมเรื่องจริงการจะแก้แค้นแบบนี้ได้ต้องใช้ความแข็งแกร่งทางจิตใจอย่างมากมายมหาศาล การแก้แค้นบางจุดอาจทำได้ยาก แต่ก็สมเหตุสมผลถ้าเรามีเงินมากพอ ส่วนงานกล้อง งานภาพต่าง ๆ ไว้ใจได้เลย ทีมงานทำออกมาได้ดีอย่างแน่นอน ส่วนคนที่กังวลว่าซีรีส์จะมีเรื่องความรุนแรงเกี่ยวกับการที่ผู้ใหญ่ทำร้ายเด็กประถม หายห่วงได้เลยจ้าไม่มีอย่างแน่นอน 

และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดของ The Glory รีวิว ที่เรานำมาฝากทุกท่าน ความรู้สึกส่วนตัวหลังดูจบสำหรับเราเต็มสิบไม่หัก เพราะนางเอกแก้แค้นได้อย่างสาแก่ใจ เนื้อเรื่องกลมกล่อม สามารถรับชมได้ทั้งแบบซับไทยและพากย์ไทย สำหรับคนที่ขี้เกียจอ่านซับไตเติ้ล ดูแบบพากษ์ไทยก็ได้นะ เรื่องนี้พากย์กันแบบได้อารมณ์สุด ๆ ดูแล้วอินไม่ต่างจาก Soundtrack เลยล่ะ

You may also like

Leave a Comment